สุนัขจิ้งจอกกับลา
วันหนึ่ง สุนัขจิ้งจอกเดินไปพบสิงโตที่กลางป่า มันรู้ว่าสิงโต จะต้องจับมันกินเป็นอาหารเเน่ๆ สุนัขจิ้งจอกจึงรีบกล่าวกับ สิงโตว่า
"ข้ารู้จักลาตัวอ้วนตัวหนึ่ง ข้าจะไปหลอกมันมาให้ท่าน"
หลังจากนั้นสุนัขจิ้งจอกก็รีบไปหลอกพาลามาที่กลางป่า
ลายอมตามมาเพราะได้เคยตกลงทำสัญญาเป็นเพื่อนตาย ต่อกันมานานเเล้ว
เมื่อลาเดินเข้าไปติดกับที่สิงโตวางไว้ สิงโตก็หันไปตะปบ สุนัขจิ้งจอกก่อน เพราะคิดว่าลานั้นเก็บไว้กินทีหลัง สุนัขจิ้งจอกก็ได้
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า "คนไม่ซื่อกับมิตรสหายย่อมไม่มีใครอยากคบหา"
Saturday, January 26, 2013
สุนัขจิ้งจอกกับลา
Labels:
นิทานก่อนนอน,
นิทานสอนใจ,
นิทานอีสป,
นิทาสอนใจ
Location:
ไทย
Wednesday, January 23, 2013
นิทาน สุนัขจิ้งจอกกับไก่บ้าน
สุนัขจิ้งจอกกับไก่บ้าน
สุนัขจิ้งจอกตัวหนึ่งอยากกินไก่บ้านมากจึงเเกล้งถาม ด้วยอุบายว่าไก่ตัวนั้นขันเสียงไพเราะเหมือนผู้เป็นพ่อ ได้หรือไม่
ไก่บ้านหลงกล จึงหลับตาโก่งคอขันทันที สุนัขจิ้งจอก จึงฉวยโอกาสงับคอไก่เเล้วพาวิ่งไป
ชาวนาจึงตะโกนร้องว่าจิ้งจอกขโมยไก่ของตน
ไก่จึงหลอกให้สุนัขจิ้งจอกร้องบอกชาวบ้านว่า ไก่ตัวนี้เป็นของมันมิใช่ของชาวบ้าน
จิ้งจอกเจ้าเล่ห์คิดว่าตนฉลาดเเต่ที่เเท้ยังขาดความเฉลียว
ดังนั้นมันจึงอ้าปากร้องบอกชาวบ้านตามที่ไก่เเนะนำ ไก่จึงได้ทีรีบบินปรื๋อออกจากปากหนีไปหาเจ้าของ อย่างรวดเร็วเเล้วก็หัวเราะเยาะ สุนัขจิ้งจอกเป็นการใหญ่
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า "ถ้าพูดมากไป ก็อาจทำให้เสียของดีๆ ที่อยู่ในกำมือเเล้ว ได้เช่นกัน"
สุนัขจิ้งจอกตัวหนึ่งอยากกินไก่บ้านมากจึงเเกล้งถาม ด้วยอุบายว่าไก่ตัวนั้นขันเสียงไพเราะเหมือนผู้เป็นพ่อ ได้หรือไม่
ไก่บ้านหลงกล จึงหลับตาโก่งคอขันทันที สุนัขจิ้งจอก จึงฉวยโอกาสงับคอไก่เเล้วพาวิ่งไป
ชาวนาจึงตะโกนร้องว่าจิ้งจอกขโมยไก่ของตน
ไก่จึงหลอกให้สุนัขจิ้งจอกร้องบอกชาวบ้านว่า ไก่ตัวนี้เป็นของมันมิใช่ของชาวบ้าน
จิ้งจอกเจ้าเล่ห์คิดว่าตนฉลาดเเต่ที่เเท้ยังขาดความเฉลียว
ดังนั้นมันจึงอ้าปากร้องบอกชาวบ้านตามที่ไก่เเนะนำ ไก่จึงได้ทีรีบบินปรื๋อออกจากปากหนีไปหาเจ้าของ อย่างรวดเร็วเเล้วก็หัวเราะเยาะ สุนัขจิ้งจอกเป็นการใหญ่
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า "ถ้าพูดมากไป ก็อาจทำให้เสียของดีๆ ที่อยู่ในกำมือเเล้ว ได้เช่นกัน"
Labels:
นิทาน,
นิทานก่อนนอน,
นิทานสอนใจ,
นิทานอีสป
Location:
ไทย
Monday, January 14, 2013
นิทาน กาบ้ายอ
กาบ้ายอ
สุนัขจิ้งจอกเห็นกามีเนื้อชิ้นโตอยู่ในปาก จึงเอ่ยว่า
" เพื่อนกาเอ๋ย ตาของเพื่อนช่างงามราวกับตาเหยี่ยว ปีกก็เป็นเงางามดั่งปีกนกอินทรี ข้าอยากรู้นักว่าถ้า เพื่อนร้องเพลง เสียงของเพื่อนจะไพเราะเพราะ พริ้งเพียงใด "
กาได้ฟังคำป้อยอก็ชอบใจ รีบอ้าปากร้องเพลงอวด สุนัขจิ้งจอกทันใด
เมื่อกาอ้าปาก ชิ้นเนื้อก็ตกลงมาที่พื้น สุนัขจิ้งจอก ก็เข้าไปคาบ เนื้อเเล้ววิ่งจากไปทันที
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า "คนที่มาเฝ้ายกยอปอปั้น ย่อมหวังได้ประโยชน์จากเรา"
สุนัขจิ้งจอกเห็นกามีเนื้อชิ้นโตอยู่ในปาก จึงเอ่ยว่า
" เพื่อนกาเอ๋ย ตาของเพื่อนช่างงามราวกับตาเหยี่ยว ปีกก็เป็นเงางามดั่งปีกนกอินทรี ข้าอยากรู้นักว่าถ้า เพื่อนร้องเพลง เสียงของเพื่อนจะไพเราะเพราะ พริ้งเพียงใด "
กาได้ฟังคำป้อยอก็ชอบใจ รีบอ้าปากร้องเพลงอวด สุนัขจิ้งจอกทันใด
เมื่อกาอ้าปาก ชิ้นเนื้อก็ตกลงมาที่พื้น สุนัขจิ้งจอก ก็เข้าไปคาบ เนื้อเเล้ววิ่งจากไปทันที
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า "คนที่มาเฝ้ายกยอปอปั้น ย่อมหวังได้ประโยชน์จากเรา"
Labels:
นิทาน,
นิทานก่อนนอน,
นิทานสอนใจ,
นิทานอีสป
Location:
ไทย
Sunday, January 13, 2013
นิทาน คนขี้เหนียวกับทองคำ
คนขี้เหนียวกับทองคำ
ชายคนหนึ่งเป็นคนขี้เหนียว เขามักจะเอาสมบัติฝังดิน ไว้รอบๆ บ้านไม่ยอมนำมาใช้จ่ายให้เกิดประโยชน์
ต่อมาเขากลัวว่าจะไม่ปลอดภัยถ้าฝังเงินทอง ไว้หลาย เเห่ง เขาจึงขายสมบัติทั้งหมดเเล้วซื้อทองคำเเท่งหนึ่ง มาฝังไว้ที่หลังบ้าน เเล้วหมั่นไปดูทุกวัน
คนใช้ผู้หนึ่งสงสัยจึงเเอบตามไปดูที่หลังบ้าน เเล้วก็ขุด เอาทองเเท่งไปเสีย
ชายขี้เหนียวมาพบหลุมที่ว่างเปล่าในวันต่อมาก็เสียใจ ร้องห่มร้องไห้ไปบอกเพื่อนบ้านคนหนึ่ง
เพื่อนบ้านจึงเเนะนำประชดประชันว่า
"ท่านก็เอาก้อนอิฐใส่ในหลุมเเล้วคิดว่าเป็นทองคำสิ เพราะถึงอย่างไรท่านก็ไม่เอาเอามาใช้อยู่เเล้ว"
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า "ของมีค่า ถ้าไม่นำมาทำให้เกิดประโยชน์ก็ย่อมเป็นของไร้ค่า"
ชายคนหนึ่งเป็นคนขี้เหนียว เขามักจะเอาสมบัติฝังดิน ไว้รอบๆ บ้านไม่ยอมนำมาใช้จ่ายให้เกิดประโยชน์
ต่อมาเขากลัวว่าจะไม่ปลอดภัยถ้าฝังเงินทอง ไว้หลาย เเห่ง เขาจึงขายสมบัติทั้งหมดเเล้วซื้อทองคำเเท่งหนึ่ง มาฝังไว้ที่หลังบ้าน เเล้วหมั่นไปดูทุกวัน
คนใช้ผู้หนึ่งสงสัยจึงเเอบตามไปดูที่หลังบ้าน เเล้วก็ขุด เอาทองเเท่งไปเสีย
ชายขี้เหนียวมาพบหลุมที่ว่างเปล่าในวันต่อมาก็เสียใจ ร้องห่มร้องไห้ไปบอกเพื่อนบ้านคนหนึ่ง
เพื่อนบ้านจึงเเนะนำประชดประชันว่า
"ท่านก็เอาก้อนอิฐใส่ในหลุมเเล้วคิดว่าเป็นทองคำสิ เพราะถึงอย่างไรท่านก็ไม่เอาเอามาใช้อยู่เเล้ว"
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า "ของมีค่า ถ้าไม่นำมาทำให้เกิดประโยชน์ก็ย่อมเป็นของไร้ค่า"
Labels:
นิทาน,
นิทานก่อนนอน,
นิทานสอนใจ,
นิทานอีสป
Location:
ประเทศไทย
นิทาน คนหาปลากับพรานป่า
คนหาปลากับพรานป่า
วันหนึ่งคนหาปลาเดินสวนกับนายพรานเเละเห็นว่านายพราน มีเนื้อสัตว์มากมายจึงถามว่า
"ท่านพรานป่า ข้าขอเอาปลาเเลกกับเนื้อสัตว์บ้างได้หรือไม่"
นายพรานเห็นคนหาปลามีปลาหลายตัวก็นึกอยากจะลองกิน เนื้อปลา
วันต่อๆ มาคนหาปลากับพรานก็นัดพบเพื่อเเลกเปลี่ยนอาหารกัน ทุกวัน
จนกระทั่งวันหนึ่งคนหาปลาก็เอ่ยขึ้นว่า
"ท่านยังอยากจะเเลกเนื้อกับปลาอยู่หรือไม่"
นายพรานก็ตอบว่าตนเริ่มเบื่อปลาเเละอยากกินเนื้อดังเดิมเเล้ว
ทั้งสองจึงตกลงเลิกเเลกเปลี่ยนอาหารกันอีกต่อไป
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า "คนเรามักอยากลิ้มลองของใหม่ เเต่ไม่นานก็ต้องเห็นค่าของ ของเก่า
วันหนึ่งคนหาปลาเดินสวนกับนายพรานเเละเห็นว่านายพราน มีเนื้อสัตว์มากมายจึงถามว่า
"ท่านพรานป่า ข้าขอเอาปลาเเลกกับเนื้อสัตว์บ้างได้หรือไม่"
นายพรานเห็นคนหาปลามีปลาหลายตัวก็นึกอยากจะลองกิน เนื้อปลา
วันต่อๆ มาคนหาปลากับพรานก็นัดพบเพื่อเเลกเปลี่ยนอาหารกัน ทุกวัน
จนกระทั่งวันหนึ่งคนหาปลาก็เอ่ยขึ้นว่า
"ท่านยังอยากจะเเลกเนื้อกับปลาอยู่หรือไม่"
นายพรานก็ตอบว่าตนเริ่มเบื่อปลาเเละอยากกินเนื้อดังเดิมเเล้ว
ทั้งสองจึงตกลงเลิกเเลกเปลี่ยนอาหารกันอีกต่อไป
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า "คนเรามักอยากลิ้มลองของใหม่ เเต่ไม่นานก็ต้องเห็นค่าของ ของเก่า
Labels:
นิทาน,
นิทานก่อนนอน,
นิทานสอนใจ,
นิทานอีสป
Location:
ประเทศไทย
Saturday, January 12, 2013
นิทาน ค้างคาวเลือกพวก
ค้างคาวเลือกพวก
ค้างคาวนั้นถือว่าตนก็มีปีกเหมือนนก เเละก็มีหูเหมือนสัตว์ อื่นทั่วๆ ไป
ดังนั้นเมื่อนกยกพวกไปต่อสู่กับสัตว์อื่นๆ ค้างคาวก็ขอตัวไม่ เข้าข้างฝ่ายใดโดยทำตัวเป็นกลาง
เเต่เมื่อพวกของนกมีท่าทีว่าจะชนะ ค้างคาวก็ประกาศตัว ไปเข้ากับฝ่ายนก
ต่อมาพวกนกจะพลาดท่าเสียทีเเก่สัตว์อื่นๆ ค้างคาวก็ผละ จากนกไปเข้าพวกกับสัตว์อื่นๆ
ต่อมานกต่อสู้จนใกล้จะได้ชัย ค้างคาวก็กลับมาอยู่ข้างฝ่ายพวก นกอีก
เมื่อนกกับสัตว์อื่นๆ ทำสัญญาสงบศึกเเละเป็นมิตรต่อกัน ทั้งสองต่างก็ขับไล่ค้างคาว ไม่ยอมให้เข้าพวกด้วย
ค้างคาวอับอายจึงไปซ่อนตัวอยู่ในถ้ำ จะออกจากถ้ำไปหา อาหาร ในตอนกลางคืนเท่านั้น
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า "ผู้ที่ขาดความจริงใจ ไม่มีใครอยากคบหาด้วย
ค้างคาวนั้นถือว่าตนก็มีปีกเหมือนนก เเละก็มีหูเหมือนสัตว์ อื่นทั่วๆ ไป
ดังนั้นเมื่อนกยกพวกไปต่อสู่กับสัตว์อื่นๆ ค้างคาวก็ขอตัวไม่ เข้าข้างฝ่ายใดโดยทำตัวเป็นกลาง
เเต่เมื่อพวกของนกมีท่าทีว่าจะชนะ ค้างคาวก็ประกาศตัว ไปเข้ากับฝ่ายนก
ต่อมาพวกนกจะพลาดท่าเสียทีเเก่สัตว์อื่นๆ ค้างคาวก็ผละ จากนกไปเข้าพวกกับสัตว์อื่นๆ
ต่อมานกต่อสู้จนใกล้จะได้ชัย ค้างคาวก็กลับมาอยู่ข้างฝ่ายพวก นกอีก
เมื่อนกกับสัตว์อื่นๆ ทำสัญญาสงบศึกเเละเป็นมิตรต่อกัน ทั้งสองต่างก็ขับไล่ค้างคาว ไม่ยอมให้เข้าพวกด้วย
ค้างคาวอับอายจึงไปซ่อนตัวอยู่ในถ้ำ จะออกจากถ้ำไปหา อาหาร ในตอนกลางคืนเท่านั้น
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า "ผู้ที่ขาดความจริงใจ ไม่มีใครอยากคบหาด้วย
Labels:
นิทาน,
นิทานก่อนนอน,
นิทานสอนใจ,
นิทานอีสป
Location:
ประเทศไทย
นิทาน ชายพเนจรอกตัญญู
ชายพเนจรอกตัญญู
ชายสองคนเดินทางพเนจรไปเรื่อยๆ เมื่อพบไม้พุ่มหนึ่ง จึงชวนกันหยุดพักใต้ร่มเงาของพุ่มไม้
ขณะนั้นเป็นเวลาเที่ยงวันที่เเดดร้อนจัด ชายคนหนึ่งเอนตัวลง นอน ใต้เงาไม้พลางเเหงนมองดูพุ่มไม้เเล้วกล่าวว่า "ไม้พุ่มนี้ไม่มีผลให้เรากินเลยนะ"
อีกคนก็เอ่ยบ้างว่า "จริงด้วย ไม้พุ่มนี้ช่างไร้ประโยชน์เสียจริงๆ"
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า "คนโง่เเละคนชั่วมักเป็นคนอกตัญญ "
ชายสองคนเดินทางพเนจรไปเรื่อยๆ เมื่อพบไม้พุ่มหนึ่ง จึงชวนกันหยุดพักใต้ร่มเงาของพุ่มไม้
ขณะนั้นเป็นเวลาเที่ยงวันที่เเดดร้อนจัด ชายคนหนึ่งเอนตัวลง นอน ใต้เงาไม้พลางเเหงนมองดูพุ่มไม้เเล้วกล่าวว่า "ไม้พุ่มนี้ไม่มีผลให้เรากินเลยนะ"
อีกคนก็เอ่ยบ้างว่า "จริงด้วย ไม้พุ่มนี้ช่างไร้ประโยชน์เสียจริงๆ"
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า "คนโง่เเละคนชั่วมักเป็นคนอกตัญญ "
Labels:
นิทาน,
นิทานก่อนนอน,
นิทานสอนใจ,
นิทานอีสป
Location:
ประเทศไทย
สุนัขจิ้งจอกกับหมี
สุนัขจิ้งจอกกับหมี
สุนัขจิ้งจอกเฒ่านั่งคุยกับหมีเฒ่า ถึงประวัติชีวิตของพวกตนตั้งเเต่ วัยหนุ่มจนถึงวัยชราอย่างภาคภูมิใจ
"ข้าน่ะไม่เคยไปกินคนที่ตายเเล้วเลยนะ เจ้ารู้หรือไม่" หมีอวดในความมีคุณธรรมของตน
เเต่สุนัขจิ้งจอกหัวร่อเบาๆ พลางว่า "ถ้าเจ้าอยากให้ใครนับถือ เจ้าก็ไม่ควรกินคนที่ยังมีชีวิตอยู่"
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า "ช่วยคนที่ยังไม่ตาย ย่อมเป็นที่น่านับถือกว่าช่วยคนที่ตายไปเเล้ว
สุนัขจิ้งจอกเฒ่านั่งคุยกับหมีเฒ่า ถึงประวัติชีวิตของพวกตนตั้งเเต่ วัยหนุ่มจนถึงวัยชราอย่างภาคภูมิใจ
"ข้าน่ะไม่เคยไปกินคนที่ตายเเล้วเลยนะ เจ้ารู้หรือไม่" หมีอวดในความมีคุณธรรมของตน
เเต่สุนัขจิ้งจอกหัวร่อเบาๆ พลางว่า "ถ้าเจ้าอยากให้ใครนับถือ เจ้าก็ไม่ควรกินคนที่ยังมีชีวิตอยู่"
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า "ช่วยคนที่ยังไม่ตาย ย่อมเป็นที่น่านับถือกว่าช่วยคนที่ตายไปเเล้ว
Labels:
นิทาน,
นิทานก่อนนอน,
นิทานสอนใจ,
นิทานอีสป
Location:
ประเทศไทย
นิทาน สุนัขจิ้งจอกกับฝูงเหลือบ
สุนัขจิ้งจอกกับฝูงเหลือบ
เม่นตังหนึ่งเดินผ่านมาเห็นสุนัขจิ้งจอกบาดเจ็บติดอยู่ในซอกหิน ริมลำธาร มีเหลือบฝูงใหญ่ตอมดูดเลือดของมัน
เม่นเวทนาจึงเอ่ยว่า "ข้าจะไล่พวกเหลือบเหล่านั้นให้ดีไหม"
สุนัขจิ้งจอกส่ายหน้าเเล้วว่า "ขอบใจเพื่อนเอ๋ย ถ้าท่านไล่เหลือบฝูงนี้ไป ฝูงใหม่ที่หิวโซก็จะ มาตอมดูดเลือดข้าอีก เเต่ฝูงนี้มันอิ่ม เเล้วมันก็อยู่เฉยๆ ข้าจึงไม่เจ็บปวดมากนัก"
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า "เมื่อสิ้นคนที่ได้ผลประโยชน์จากเรา ก็อาจมีคนใหม่ๆ ที่หวังผล ประโยชน์จากเราเข้ามาในชีวิตอีกจนได้ "
เม่นตังหนึ่งเดินผ่านมาเห็นสุนัขจิ้งจอกบาดเจ็บติดอยู่ในซอกหิน ริมลำธาร มีเหลือบฝูงใหญ่ตอมดูดเลือดของมัน
เม่นเวทนาจึงเอ่ยว่า "ข้าจะไล่พวกเหลือบเหล่านั้นให้ดีไหม"
สุนัขจิ้งจอกส่ายหน้าเเล้วว่า "ขอบใจเพื่อนเอ๋ย ถ้าท่านไล่เหลือบฝูงนี้ไป ฝูงใหม่ที่หิวโซก็จะ มาตอมดูดเลือดข้าอีก เเต่ฝูงนี้มันอิ่ม เเล้วมันก็อยู่เฉยๆ ข้าจึงไม่เจ็บปวดมากนัก"
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า "เมื่อสิ้นคนที่ได้ผลประโยชน์จากเรา ก็อาจมีคนใหม่ๆ ที่หวังผล ประโยชน์จากเราเข้ามาในชีวิตอีกจนได้ "
Labels:
นิทาน,
นิทานก่อนนอน,
นิทานสอนใจ,
นิทานอีสป
Location:
ประเทศไทย
Friday, January 11, 2013
นิทาน กากับนกนางเเอ่น
กากับนกนางเเอ่น
นกนางเเอ่นถามกาว่า " เจ้าว่าขนของข้ากับขนของเจ้า ใครจะงามกว่ากัน "
กามองขนของตนเเล้วตอบว่า " ข้าว่าขนของข้าก็สวยดีนะ "
นกนางเเอ่นขยับปีกพลางว่า " เเต่เจ้าดูสิ ขนของข้าดูสวยเป็นพิเศษในฤดูร้อน อย่างนี้ "
กาจึงกล่าวว่า " ก็จริงนะ เเต่ขนของข้างามทุกฤดู ไม่ว่าฤดูใดมันก็ จะดำเช่นนี้"
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า "ความงามที่คงทนยั่งยืน ย่อมเป็นความงามที่เเท้จริง
นกนางเเอ่นถามกาว่า " เจ้าว่าขนของข้ากับขนของเจ้า ใครจะงามกว่ากัน "
กามองขนของตนเเล้วตอบว่า " ข้าว่าขนของข้าก็สวยดีนะ "
นกนางเเอ่นขยับปีกพลางว่า " เเต่เจ้าดูสิ ขนของข้าดูสวยเป็นพิเศษในฤดูร้อน อย่างนี้ "
กาจึงกล่าวว่า " ก็จริงนะ เเต่ขนของข้างามทุกฤดู ไม่ว่าฤดูใดมันก็ จะดำเช่นนี้"
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า "ความงามที่คงทนยั่งยืน ย่อมเป็นความงามที่เเท้จริง
Labels:
นิทานก่อนนอน,
นิทานสอนใจ,
นิทานอีสป
Location:
ประเทศไทย
นิทาน ไก่ฟ้ากับสุนัขจิ้งจอกเจ้าเล่ห์
ไก่ฟ้ากับสุนัขจิ้งจอกเจ้าเล่ห์
สุนัขจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ตัวหนึ่งเดินผ่านมาเห็นไก่ฟ้าเกาะอยู่บนกิ่งไม้ สูงข้างทาง มันอยากจะกินไก่ฟ้าเป็นยิ่งนักจึงคิดหาอุบายเเล้วเอ่ยขึ้นว่า "ไก่ฟ้าเอ๋ย ท่านช่างเป็นสัตว์ที่งดงามนัก ปีกของท่านมีสีสัน สดใสหลายสี ปากก็งดงามไม่เหมือนใคร อยากรู้จังว่าถ้าท่าน หลับตา เเล้วยังจะงามอยู่หรือไม่"
ไก่ฟ้าได้ฟังคำยกยอก็หลงเคลิบเคลิ้ม รีบหลับตาอวดทันที สุนัขจิ้งจอกก็รีบฉวยโอกาสนั้นกระโดดงับตัวไก่ฟ้าไว้ได้ เมื่อไก่ฟ้าพลาดท่า
เเต่ก็ยังมีสติ จึงเอ่ยขึ้นว่า " จิ้งจอกเอ๋ย ก่อนตายข้าอยากฟังเสียงอันไพเราะของท่าน อีกครั้งได้ไหม" สุนัขจิ้งจอกได้ฟังคำป้อยอก็หลงกล รีบอ้าปากเห่าคำราม ไก่ฟ้าจึงรีบบินหนีจากไปทันที
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า "คำยกยอปอปั้นทำให้คนหลงเคลิบเคลิ้มจนไม่ระวังตนได้เสมอ
สุนัขจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ตัวหนึ่งเดินผ่านมาเห็นไก่ฟ้าเกาะอยู่บนกิ่งไม้ สูงข้างทาง มันอยากจะกินไก่ฟ้าเป็นยิ่งนักจึงคิดหาอุบายเเล้วเอ่ยขึ้นว่า "ไก่ฟ้าเอ๋ย ท่านช่างเป็นสัตว์ที่งดงามนัก ปีกของท่านมีสีสัน สดใสหลายสี ปากก็งดงามไม่เหมือนใคร อยากรู้จังว่าถ้าท่าน หลับตา เเล้วยังจะงามอยู่หรือไม่"
ไก่ฟ้าได้ฟังคำยกยอก็หลงเคลิบเคลิ้ม รีบหลับตาอวดทันที สุนัขจิ้งจอกก็รีบฉวยโอกาสนั้นกระโดดงับตัวไก่ฟ้าไว้ได้ เมื่อไก่ฟ้าพลาดท่า
เเต่ก็ยังมีสติ จึงเอ่ยขึ้นว่า " จิ้งจอกเอ๋ย ก่อนตายข้าอยากฟังเสียงอันไพเราะของท่าน อีกครั้งได้ไหม" สุนัขจิ้งจอกได้ฟังคำป้อยอก็หลงกล รีบอ้าปากเห่าคำราม ไก่ฟ้าจึงรีบบินหนีจากไปทันที
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า "คำยกยอปอปั้นทำให้คนหลงเคลิบเคลิ้มจนไม่ระวังตนได้เสมอ
Labels:
นิทาน,
นิทานก่อนนอน,
นิทานสอนใจ,
นิทานอีสป
Location:
ประเทศไทย
นิทาน คนตัดไม้กับสุนัขจิ้งจอก
คนตัดไม้กับสุนัขจิ้งจอก
สุนัขจิ้งจอกวิ่งมาขอความชช่วยเหลือจากคนตัดไม้ คนตัดไม้พาสุนัขจิ้งจอกเข้าไปซ่อนที่ข้างกระท่อม
พวกล่าสัตว์จูงหมาล่าเนื้อมาถึงก็ถามคนตัดไม้ว่าเห็น สุนัขจิ้งจอกหรือไม่ "ไม่เห็นเลยเพื่อนเอ๋ย" คนตัดไม้ปฏิเสธเเต่ก็ชี้นิ้วไปทางข้างกระท่อม
พวกล่าสัตว์ไม่เข้าใจสัญญาณบอกใบ้นั้นจึงพากัน กลับไป สุนัขจิ้งจอกรออยู่อีกสักครู่ก็ออกมาจากที่ซ่อนเเล้ววิ่ง ผ่านหน้าคนตัดไม้ไป คนตัดไม้จึงร้องขึ้นว่า "ข้าช่วยชีวิตเจ้าไว้ เจ้าไม่ขอบคุณเข้าเลยหรือ"
"ลิ้นของเจ้าไม่ตรงเหมือนนิ้วของเจ้าเลยนะจะให ้ขอบใจได้อย่างไร" สุนัขจิ้งจอกกล่าวเเล้วก็วิ่งเข้าป่าไป
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า "คนไม่เชื่อ ย่อมไม่มีผู้ใดนับถือ
สุนัขจิ้งจอกวิ่งมาขอความชช่วยเหลือจากคนตัดไม้ คนตัดไม้พาสุนัขจิ้งจอกเข้าไปซ่อนที่ข้างกระท่อม
พวกล่าสัตว์จูงหมาล่าเนื้อมาถึงก็ถามคนตัดไม้ว่าเห็น สุนัขจิ้งจอกหรือไม่ "ไม่เห็นเลยเพื่อนเอ๋ย" คนตัดไม้ปฏิเสธเเต่ก็ชี้นิ้วไปทางข้างกระท่อม
พวกล่าสัตว์ไม่เข้าใจสัญญาณบอกใบ้นั้นจึงพากัน กลับไป สุนัขจิ้งจอกรออยู่อีกสักครู่ก็ออกมาจากที่ซ่อนเเล้ววิ่ง ผ่านหน้าคนตัดไม้ไป คนตัดไม้จึงร้องขึ้นว่า "ข้าช่วยชีวิตเจ้าไว้ เจ้าไม่ขอบคุณเข้าเลยหรือ"
"ลิ้นของเจ้าไม่ตรงเหมือนนิ้วของเจ้าเลยนะจะให ้ขอบใจได้อย่างไร" สุนัขจิ้งจอกกล่าวเเล้วก็วิ่งเข้าป่าไป
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า "คนไม่เชื่อ ย่อมไม่มีผู้ใดนับถือ
Labels:
นิทาน,
นิทานสอนใจ,
นิทานอีสป,
นิทาสอนใจ
Location:
ประเทศไทย
Thursday, January 10, 2013
นิทาน คางคกกับสุนัขจิ้งจอก
คางคกกับสุนัขจิ้งจอก
คางคกคุยอวดสุนัขจิ้งจอกว่า "เจ้ารู้ไหมว่า ข้าสามารถรักษาโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ ได้ ข้าเป็นหมอเทวดา มียาวิเศษมากมายหลายขนาน เจ้าเชื่อข้าเถอะนะ"
สุนัขจิ้งจอกได้ฟังก็หัวเราะเยาะเเล้วว่า "ข้าก็อยากจะเชื่อเจ้าหรอกนะ ถ้าเจ้ารักษาผิวหนัง ตะปุ่มตะป่ำ ของเจ้าให้หายดีได้เสียก่อน "
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า "ผู้อื่นย่อมเชื่อถือผลงาน มากกว่าคำโอ้อวด"
คางคกคุยอวดสุนัขจิ้งจอกว่า "เจ้ารู้ไหมว่า ข้าสามารถรักษาโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ ได้ ข้าเป็นหมอเทวดา มียาวิเศษมากมายหลายขนาน เจ้าเชื่อข้าเถอะนะ"
สุนัขจิ้งจอกได้ฟังก็หัวเราะเยาะเเล้วว่า "ข้าก็อยากจะเชื่อเจ้าหรอกนะ ถ้าเจ้ารักษาผิวหนัง ตะปุ่มตะป่ำ ของเจ้าให้หายดีได้เสียก่อน "
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า "ผู้อื่นย่อมเชื่อถือผลงาน มากกว่าคำโอ้อวด"
Labels:
นิทานก่อนนอน,
นิทานอีสป,
นิทาสอนใจ
Location:
ประเทศไทย
นิทาน เด็กเลี้ยงเเกะชอบปด
เด็กเลี้ยงเเกะชอบปด
วันหนึ่งเด็กเลี้ยงเเกะคิดหาเรื่องสนุกๆ เล่น จึงเเกล้งร้องตะโกน ขึ้นมาว่า "ช่วยด้วย! หมาป่ามากินลูกเเกะเเล้ว ช่วยด้วยจ้า ! "
พวกชาวบ้านจึงพากันวิ่งมาช่วยพร้อมด้วยอาวุธต่างๆ เเต่เมื่อมาถึงก็ไม่พบหมาป่าสักตัว "มันวิ่งไปทางโน้นเเล้วล่ะ" เด็กเลี้ยงเเกะโป้ปดเเล้วก็เเอบหัวเราะชอบใจภายหลัง
ต่อจากนั้นเด็กเลี้ยงเเกะก็เเกล้งหลอกให้ชาวบ้านวิ่งหน้าตื่น เช่นเดิมได้อีก ๒- ๓ ครั้ง จนกระทั่งวันหนึ่งมีหมาป่ามาไล่กินเเกะจริงๆ คราวนี้เด็กเลี้ยงเเกะ ตะโกนขอความช่วยเหลือจนคอเเหบ คอเเห้ง พวกชาวบ้านก็ไม่มาเพราะคิดว่าเด็กหลอก
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า "คนที่มักโป้ปดมดเท็จ เมื่อถึงคราวพูดจริงก็ยากที่จะมีใครเชื่อ"
วันหนึ่งเด็กเลี้ยงเเกะคิดหาเรื่องสนุกๆ เล่น จึงเเกล้งร้องตะโกน ขึ้นมาว่า "ช่วยด้วย! หมาป่ามากินลูกเเกะเเล้ว ช่วยด้วยจ้า ! "
พวกชาวบ้านจึงพากันวิ่งมาช่วยพร้อมด้วยอาวุธต่างๆ เเต่เมื่อมาถึงก็ไม่พบหมาป่าสักตัว "มันวิ่งไปทางโน้นเเล้วล่ะ" เด็กเลี้ยงเเกะโป้ปดเเล้วก็เเอบหัวเราะชอบใจภายหลัง
ต่อจากนั้นเด็กเลี้ยงเเกะก็เเกล้งหลอกให้ชาวบ้านวิ่งหน้าตื่น เช่นเดิมได้อีก ๒- ๓ ครั้ง จนกระทั่งวันหนึ่งมีหมาป่ามาไล่กินเเกะจริงๆ คราวนี้เด็กเลี้ยงเเกะ ตะโกนขอความช่วยเหลือจนคอเเหบ คอเเห้ง พวกชาวบ้านก็ไม่มาเพราะคิดว่าเด็กหลอก
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า "คนที่มักโป้ปดมดเท็จ เมื่อถึงคราวพูดจริงก็ยากที่จะมีใครเชื่อ"
Labels:
นิทาน,
นิทานก่อนนอน,
นิทานสอนใจ,
นิทานอีสป
Location:
ประเทศไทย
นิทาน นกกระเรียนกับหมาป่า
นกกระเรียนกับหมาป่า
นกกระเรียนเห็นหมาป่านอนดิ้นทุรนทุรายอย่างเจ็บปวดที่กลางป่า จึงเข้าเข้าไปถามไถ่อย่างเวทนาว่า "เจ้าเป็นอะไรหรือ"
"ข้ากลืนชิ้นเนื้อเข้าไป กระดูกติดคอข้า ทำอย่างไรก็ไม่ออก" หมาป่าบอกเเล้วก็ขอร้องให้นกกระเรียนช่วยตนด้วย เเล้วตนจะให้รางวัลอย่างงามเป็นการตอบเเทน
นกกระเรียนจึงยื่นคออันยาวเรียวของมันเข้าไปในปากหมาป่า เเละสามารถล้วงเอากระดูกออกมาได้สำเร็จ เมื่อนกกระเรียนทวงถามถึงรางวัล หมาป่าก็คำรามว่า "ข้าไม่งับคอเจ้าขาดตายก็ดีเเล้ว ยังจะมาเอาอะไรจากข้าอีกเล่า"
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า "คนเลวมักไม่เห็นความดีของผู้อื่น"
นกกระเรียนเห็นหมาป่านอนดิ้นทุรนทุรายอย่างเจ็บปวดที่กลางป่า จึงเข้าเข้าไปถามไถ่อย่างเวทนาว่า "เจ้าเป็นอะไรหรือ"
"ข้ากลืนชิ้นเนื้อเข้าไป กระดูกติดคอข้า ทำอย่างไรก็ไม่ออก" หมาป่าบอกเเล้วก็ขอร้องให้นกกระเรียนช่วยตนด้วย เเล้วตนจะให้รางวัลอย่างงามเป็นการตอบเเทน
นกกระเรียนจึงยื่นคออันยาวเรียวของมันเข้าไปในปากหมาป่า เเละสามารถล้วงเอากระดูกออกมาได้สำเร็จ เมื่อนกกระเรียนทวงถามถึงรางวัล หมาป่าก็คำรามว่า "ข้าไม่งับคอเจ้าขาดตายก็ดีเเล้ว ยังจะมาเอาอะไรจากข้าอีกเล่า"
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า "คนเลวมักไม่เห็นความดีของผู้อื่น"
Subscribe to:
Posts (Atom)